Translate

วันอังคารที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ว่าด้วยคู่แห่งความดีและความชั่ว

พระสุตตันตปิฏก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๑

ขอนอบน้อมแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

                                    ๑. ธรรมทั้งหลายมีใจเป็นหัวหน้า  มีใจเป็นใหญ่
                                    สำเร็จแล้วด้วยใจ  ถ้าบุคคลมีใจร้ายแล้ว  พูดอยู่
                                    ก็ดี   ทำอยูก็ดี   ทุกข์ย่อมไปตามเขา  เพราะเหตุ
                                    นั้น  ดุจล้อหมุนไปตามรอยเท้าโค   ผู้นำแอกไปอยู่
                                    ฉะนั้น.

                                   ๒. ธรรมทั้งหลายมีใจเป็นหัวหน้า   มีใจเป็นใหญ่
                                   สำเร็จแล้วด้วยใจ   ถ้าบุคคลมีใจผ่องใสแล้ว
                                   พูดอยู่ก็ดี  ทำอยู่ก็ดี   ความสุขย่อมไปตามเขา
                                   เพราะเหตุนั้น  เหมือนเงาไปตามตัว

                                  ๓. ก็ชนเหล่าใดเข้าไปผูกความโกรธนั้นว่า  ผู้โน้น
                                  ได้ด่าเรา  ผู้โน้นได้ตีเรา   ผู้โน้นได้ชนะเรา  ผู้
                                  โน้นได้ลักสิ่งของของเราแล้ว   เวรของชนเหล่านั้น
                                  ย่อมไม่ระงับได้   ส่วนชนเหล่าใดไม่เข้าไปผูก
                                  ความโกรธนั้นไว้ว่า  ผู้โน้นได้ด่าเรา  ผู้โน้นได้ตีเรา
                                  ผู้โน้นได้ชนะเรา   ผู้โน้นได้ลักสิ่งของของเราแล้ว
                                  เวรของชนเหล่านั้นย่อระงับ

                                 ๔. ในกาลไหน ๆ เวรทั้งหลายในโลกนี้  ย่อม
                                 ไม่ระงับด้วยเวรเลย  ก็แต่ย่อมระงับได้ด้วยความไม่มี
                                 เวร  ธรรมนี้เป็นของเก่า

อธิบายว่า จิตเป็นใหญ่เป็นประธานเป็นหัวหน้า ในการรู้แจ้งสภาพธรรมทั้งหลาย  การกระทำทุกสิ่งทุกอย่างสำเร็จได้ด้วยจิต ถ้าบุคคลใดมีจิตอกุศล  จะกระทำอะไรอยู่ก็ดี  จะพูดอยู่ก็ดี ย่อมจะนำแต่ความทุกข์มาให้เขา  เพราะเหตุว่า  ความทุกข์เปรียบเสมือนกับวงล้อที่หมุนไปตามรอยเท้าโค ผู้นำแอกไป

จิตเป็นใหญ่เป็นหัวหน้าในการรู้แจ้งสภาพธรรมทั้งหลาย ทุกอย่างสำเร็จได้ด้วยจิต  ถ้าบุคคลใดมีจิตที่ผ่องใสแล้ว ไม่ว่าจะกระทำอะไรอยู่ก็ดี จะพูดอยู่ก็ดี  ย่อมจะนำแต่ความสุขมาให้เขา  เพราะเหตุว่า ความสุขเปรียบเสมือนเงาตามตัว

บุคคลเหล่าใดก็ตาม มีความผูกโกรธ ว่าคนโน้นได้ด่าเรา  คนโน้นได้ตีเรา  คนโน้นได้ชนะเรา คนโน้นขโมยของเรา เมื่อคิดผูกโกรธเช่นนี้ บุคคลผู้นั้นย่อมไม่มีความสงบ ย่อมเป็นผู้มีเวร....ส่วนบุคคลเหล่าใด ไม่ผูกโกรธว่า ผู้โน้นได้ด่าเรา  ผู้โน้นได้ตีเรา  ผู้โน้นได้ชนะเรา  ผู้โน้นได้ลักขโมยของเรา บุคคลผู้นั้นย่อมมีความสงบ  เวรของเขาย่อมไม่มี

ไม่ว่าในกาลไหน ๆ  เวรทั้งหลายในโลกนี้  ย่อมระงับได้ด้วยการไม่จองเวร  ธรรมนี้เป็นคำสอนที่มานานแล้ว.

                                                   ขออนุโมทนาค่ะ


                                          .....................................